ลิลลี่ เหงียน ไม่อ่อนข้อแล้ว ฟาด ปู มัณฑนา ติดหนี้6.7แสน ยังมาโยนความผิด กล่าวหาว่าพามิจฉาชีพมาทำให้เป็นหนี้ ลั่น ถ้าหน้าด้านพอจะยกหนี้ให้ คิดซะว่าทำบุญ แต่ถ้ามีศักดิ์ศรีก็คืนเงินด้วย
ดาราสาว ลิลลี่ เหงียน หนึ่งในเจ้าหนี้ของ ปู มัณฑนา หิมะทองคำ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ โดยเธอมีความไม่สบายใจ หลังเห็น ปู มัณฑนา ไปออกรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางช่องไทยรัฐทีวี แล้วมีบทสนทนาพาดพิงเธอว่า “ลิลลี่ได้พามิจฉาชีพมาทำให้ตนเป็นหนี้5แสนบาท”
โดยลิลลี่ โกรธและเดือดมาก ครั้งนี้เธอไม่อ่อนข้อให้ดั่งที่ผ่านมา พร้อมชี้แจงว่าไม่ใช่ความจริง แถมเป็นเธอด้วยซ้ำที่เสียเงินช่วยเหลือ “หนูได้ดูช่วงที่พี่ปู มัณฑนา พูดว่าน้องลิลลี่ได้พามิจฉาชีพเข้ามาทำให้พี่ปูสูญเสียเงิน 5แสนบาท หนูจะมาขอชี้แจงตรงนี้ว่ามันไม่เป็นความจริง คนที่เสียเงินน่ะคือตัวหนูเพื่อที่จะช่วยเขา ซึ่งหนูขอฝากข้อความต่อไปนี้ถึงพี่ปู มัณฑนา ค่ะ ทุกอย่างที่หนูได้พูดออกไปมันคือความจริง”
“คือคนที่เขาบอกว่าเป็นมิจฉาชีพ คือหนูใช้แทนคนนี้ว่า ก. แล้วกันค่ะ หนูรู้จักเขาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง บังเอิญเจอกัน แลกไลน์คุยกันแต่ว่าไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน เนื่องจากว่าพี่ก.คนนี้ เคยดูข่าวลี่ถูก เอิร์ก องอาจ เลเดอเรอร์ โกงเงิน 50 ล้านบาท แล้วก็คือเข้ามาให้กำลังใจ แค่พูดคุยแค่นั้น นั่นคือวันแรกที่ได้พูดคุย
และพอประมาณเดือนที่แล้วอ่ะ พี่ปูได้แจ้งว่าพี่ปูถูกโกงที่ดิน100ล้าน เครียดมาก เลยชวนลิลลี่ให้ไปทานข้าวที่ทองหล่อ แต่ลี่ได้นัดกับพี่ก.คนนี้เอาไว้แล้ว เพราะเขาบอกว่าอกหักเสียใจมาก ไม่มีเพื่อนเลย ลี่เลยบอกว่าอย่าอยู่คนเดียว งั้นก็มากินข้าวมาเจอกัน พอหนูนัดพี่ก.คนนี้แล้ว พี่ปูก็นัดหนูเหมือนกัน พี่ปูเลยบอกกับหนูว่า งั้นก็ชวนพี่คนนี้มาทานข้าวด้วยกัน
ซึ่งก่อนที่จะพาพี่ก.มาเจอกับพี่ปู หนูเคยเล่าให้พี่ปูฟังว่า พี่ก.คนนี้จะมาเป็นสปอนเซอร์ให้หนู ซึ่งหนูจัดรายการเพื่อนแซ่บพาฟิน ออนแอร์ช่องไทยรัฐ โดยพี่ปูบอกว่างั้นดีเลย พาพี่เขามาที่นี่ หนูก็เลยพาพี่เขาไปเจอที่อาหารญี่ปุ่นแห่งนึงที่ทองหล่อ
พอเจอกันพี่ปูเขาก็เลยคุยกันถึงกรณีที่เขาถูกโกงที่ดิน100ล้าน เสร็จแล้วพี่ก.เขาก็เลยเสนอที่จะช่วยพี่ปูเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน ซึ่งวันนั้นน่ะหนูเป็นพยานให้พี่ปูได้ว่า พี่ก.บอกว่าจะช่วยนะ พี่ปูจะไม่ได้เสียเงินอะไรใดใดเลย แต่พอคุยกันวันนั้นแล้วเสร็จ
วันรุ่งขึ้นพี่ก.โทรมาหาหนูและพี่ปูว่า ผู้ใหญ่พร้อมที่จะช่วยพี่ปูแล้วนะ พี่ปูก็เลยนัดไปเจอที่ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่ง ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าตอนที่เจอกันครั้งแรก พี่ก.บอกว่าไม่มีการเสียเงินใดใดทั้งสิ้น แต่พอคุยกันครั้งนี้ พี่ก.บอกว่าต้องจ่ายค่าดำเนินการให้กับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นจำนวนเงิน 4แสนบาท ซึ่งตรงนี้เนี่ยหนูกับพี่ปูบอกกับพี่ก.ว่าขอยุติการดำเนินการ เพราะว่าตอนนี้พี่ปูไม่มีเงิน แล้วตัวหนูก็ไม่สามารถช่วยพี่ปูได้”
“ต้นเรื่องอ่ะมันเกิดขึ้นว่าพี่ก.คนนี้ เขาได้พูดว่า พี่ได้พูดกับผู้ใหญ่ แล้วมันเสียคำพูดไม่ได้มันเสียหน้าไม่ได้ แต่พวกเราสองคนก็ไม่โอเคที่จะจ่ายเงิน แต่บังเอิญว่าอยู่ๆพี่ก็ก.คนนี้ก็โอนเงินจากบัญชีส่วนตัวของตัวเองไปให้ผู้ใหญ่ทางฝั่งที่บอกว่าจะช่วยพี่ปู แล้วตัวหนูกับพี่ปูก็งงทั้งๆที่เราก็สั่งห้ามแล้ว ทีนี้พอเขาโอนเงินไปให้ทางผู้ใหญ่ เราขอดูสลิปเขาก็ให้ดูแป๊บนึงแต่เขาไม่ได้ส่งให้เรา
จากนั้นเขาก็พูดลี่ว่า พี่ช่วยลี่เพราะว่าพี่รู้จักลี่นะ พี่ไม่ได้รู้จักพี่ปู และพี่ก็เต็มใจช่วยไปขนาดนี้แล้ว ลี่ก็ต้องช่วยพี่ปูด้วย คือพี่ก.ก็จะพยายามเอาเงินจากลี่เพื่อช่วยพี่ปู ซึ่งลี่ก็โชว์เงินเลยนะว่าลี่เหลือเงินอยู่แค่ 2แสน5หมื่นบาท ซึ่งไม่มีศักยภาพที่จะช่วยได้ เขาก็พยายามขยั้นขยอ พูดว่าพี่จ่ายให้พี่ปูไปแล้ว ลี่ก็ต้องช่วยพี่ด้วยสิ ต้องเอาเงินมาช่วยพี่ปู 1แสน ก็ได้ เพื่อการันตีให้พี่ปู
ซึ่งเขาก็พูดจนวันนั้นหนูได้สูญเสียเงิน 1แสน บาทเพื่อช่วยพี่ปู แล้วคุณก.คนนี้เขาก็บอกว่าจะรีบดำเนินการวันศุกร์จะเสร็จสิ้นทุกอย่าง แล้ววันศุกร์คุณก.คนนี้จะคืนเงินหนูทั้งหมด หนูก็จำใจโอนเงินให้เขาไป”
“แล้วเขาบอกว่าถ้าทำงานแล้วเสร็จได้โฉนดที่ดินของพี่ปูมาแล้ว พี่ปูเอาโฉนดนี้ไปค้ำประกันกับผู้ใหญ่ของเขาที่จะให้เงินพี่ปู100ล้าน แล้วถ้าเกิดได้เงิน100ล้านแล้ว ก็คือจะหักเปอร์เซ็นต์ไป หักที่ 4แสน ตรงนั้นไป คือเรื่องตรงนี้หนูเป็นพยานให้ได้ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะว่าเขาดำเนินการไม่แล้วเสร็จ แล้วคนที่เสียเงินคือหนู พี่ปูไม่ได้เสียเงินซักบาทเดียว แล้วพี่ปูอ่ะไปแจ้งในรายการว่าเสียเงิน 5แสนบาท ไม่เป็นความจริง หนูต่างหากที่เสียเงิน 1แสน เพื่อที่จะช่วยพี่ปู”
“แล้วหลังจากนั้นวันสองวัน ลูกชายหนูเข้าโรงพยาบาล หนูต้องเอาเงินส่วนที่เหลือไปจ่ายค่าประกันให้กับลูกชาย แล้วก็คุณแม่ แต่พี่ปูก็มาหลอกหนูว่าน้องลี่ พี่ขอยืมเงินหน่อย 7หมื่นบาท เดี๋ยวพี่คืนตอนเย็น เพราะว่าพี่จะเอาเงินนี้ไปทำสัญญาได้งานแล้ว แล้วพี่จะคืนให้เลย หนูก็บอกว่าพี่จะแน่ใจนะว่าพี่จะคืนหนูตอนเย็น ถ้าคืนหนูตอนเย็น หนูให้ แต่วันนั้นจนถึงวันนี้3สัปดาห์แล้ว หนูไม่ได้เงินซึ่งหนูก็มีหลักฐานแชททั้งหมด”
“เมื่อสองปีที่แล้ว ในวันแรกที่รู้จักกัน ลี่รู้จักพี่ปูผ่านรุ่นพี่ที่สนิทกัน พี่ปูเขาสงสารลี่ เขาบอกว่าน้องลี่ไม่น่าโดนหลอกเลย งั้นเขาก็บอกว่าเดี๋ยวพี่ช่วย ช่วยให้หนูได้เข้าวงการ เข้าถูกคน เดี๋ยวพี่จะพาไปหาผู้จัด พาไปหาผู้ใหญ่ พาไปที่ช่องเจ็ด เผื่อว่ามีใครเมตตาน้องลี่ ซึ่งหนูก็ดีใจมากๆ
หลังรู้จักกันวันแรก พอวันรุ่งขึ้น พี่ปูโทรมาบอกว่า ลี่พี่ขอยืมเงินได้ไหม พี่จะเอาเงินไปลงทุน ทำอะไรของเขาไม่รู้ ยืมไปให้เพื่อนให้พี่ของเขา แต่เขาจะเป็นคนที่ค้ำประกันให้ เขาพูดกับหนูแบบนี้ หนูอ่ะไม่เคยเชื่อว่าเพื่อนเขายืม แต่ว่าหนูก็ปิดหูปิดตา หนูก็เออออตามเขาไป ให้ไปเลย
วันแรกที่หนูรู้จักกัน ก็โอนไปเลย 5แสนบาท พอไม่กี่วันต่อมา ก็มาขอยืมเพิ่มอีก 3แสนบาทอีก ทั้งหมดเป็น 8แสนบาท หนูก็โอนให้ไป ผ่านไปนานมากเลย ก็ไปทวงเขา แล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า รอพี่ก่อน รอพี่ก่อน ซึ่งวันที่หนูทวงได้คือวันที่ 16 พฤศจิกายน 2022 พี่ปูบอกว่าเพื่อนแม่จะจ่ายดอก ทำธุรกิจกันเอาไว้ หนูก็บอกพี่ปูว่า “หนูเคยบอกแม่แล้วว่าหนูไม่เอาดอกเบี้ย หนูตั้งใจให้ยืม จะเอาดอกเบี้ยทำไม หนูรับต้นก็พอไม่เอาหรอกค่ะดอกเบี้ย ไม่ต้องคิดมากเป็นพี่น้องกัน” หนูไม่เคยเรียกร้องดอกเบี้ยกับเขาสักครั้งนึง แต่เขาอ่ะจะเป็นคนเสนอมาให้หนูเอง บอกว่าน้องลี่จะเรียกดอกเบี้ยเท่าไหร่ก็ได้เดี๋ยวพี่จะให้ แต่หนูเป็นคนที่พูดชัดเจนว่าหนูไม่เอาดอกเบี้ย”
“คือพี่ปูโทรหาหนูทุกครั้ง จะมีเรื่องเงินมาก่อนเรื่องแรก น้องลี่พี่ขอยืมเงินหน่อย คือเงินเก่าหนูยังไม่ได้คืน หนูเลยไม่ให้ไป พี่เขาก็เลยบอกว่าน้องลี่พี่ขอยืมเงินหน่อยไม่กี่วันเดี๋ยวพี่คืน จะเอาไปลงทุนตรงนี้เดี๋ยวจะให้ดอกเบี้ย หนูก็ปฏิเสธอย่างเดียว ปฏิเสธจนมาเจอก้อนสุดท้ายก็คือ 170,000 บาทนี้ ซึ่งมันสำคัญมากสำหรับหนู”
สรุปแล้วยอดเงินที่ ปู ติดเท่าไหร่?
“สรุปแล้ว ยอดเงิน 8แสน ( ยืม2ครั้ง ครั้งแรก 5แสน ครั้งที่สอง 3แสน) โดยใช้เวลาเกือบปี ถึงทยอยคืน1แสนแรก ส่วนแสนที่สอง เพิ่งคืนเมื่อ3 เดือนที่แล้ว ตอนนี้ก้อน8แสนนี้ จึงเหลือ 6แสนบาท
ส่วนก้อนใหม่ คือ 7 หมื่นบาท ที่บอกยืมเช้าคืนเย็น ยังไม่ได้คืน ส่วน 1แสน ที่โอนให้พี่ก. เพื่อช่วยเหลือพี่ปูนั้น ก็ได้คืนจากพี่ก.แล้ว”
สำหรับคนที่ชื่อก. ที่พี่ปูอ้างว่าเป็นมิจฉาชีพ ตอนแรกอ่ะหนูเข้าใจเป็นแบบนั้น แต่ว่าหนูอาจจะเข้าใจผิดได้ หนูก็ไม่รู้ หนูก็ต้องขอโทษ ขออภัย เพราะว่าพี่ก.เขาบอกว่ามีเจตนาดีที่จะช่วย เขามีหลักฐานทุกอย่างว่าเขาพยามช่วยเหลือพี่ปู แต่ว่าฟังทางฝั่งพี่ปูไม่เอาเอง ซึ่งหนูก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้ พวกคุณสองคนไปคุยกัน แล้วทีนี้พี่ปูอ้างว่าพี่ ก.คนนี้เป็นมิจฉาชีพ แต่มิจฉาชีพคนนี้เขาคืนเงินลี่ครบหมดแล้วนะ 1แสนบาท แต่พี่พี่ปูยังเลยยังเลยค่ะ”
สำหรับตัวเราต้องการให้เขาชดใช้ส่วนไหนบ้าง?
“หนูอยากให้เขามาอธิบาย มาขอโทษ หนูไม่ชอบที่หนูจริงใจไปแล้ว แล้วพี่ปูมาทำร้ายจิตใจหนู หนูไม่โอเค คือตอนนี้หนูไม่สนใจเลยนะ กับเงินที่เป็นหนี้ 6แสน7หมื่นบาท เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมาหนูโดนโกงตั้ง 100ล้าน หนูยังไม่สนใจเลย กับอีแค่ 6แสน7หมื่นบาท
ถ้าพี่หน้าด้านพอ โดยที่ไม่ต้องพูดให้มันยืดเยื้อ เพราะว่าหนูเบื่อกับคำว่าเดี๋ยวก่อน รอก่อน หนูเบื่อ เพราะหนูเป็นคนที่ทวงหนี้คนไม่เก่ง ไม่งั้นหนูก็คงไม่สูญเสียเงินไปมากขนาดนั้น ถ้าพี่หน้าด้านพี่ก็พูดมาเลย หนูยกหนี้ให้เลย ถือว่าหนูทำบุญ แล้วออกไปจากชีวิตหนูซะ
หนูพูดจริงๆ เงินแค่ 6แสน7หมื่นบาท คือตอนนี้เงินในกระเป๋าหนูเกลี้ยงเลย แต่ว่าหนูใจป๋าค่ะพี่ หนูให้พี่เลย ถือว่าหนูทำบุญทำทาน หนูก็คงจะได้บุญกลับมานะ และก็หวังว่าบุญนี้จะส่งผลให้พี่มีดวงตาเห็นธรรมบ้าง แต่ถ้ายังมีศักดิ์ศรีก็คืนเงิน ถ้าคืนห็เอา เพราะเงินหนู”
“และถ้าสิ่งไหนที่หนูพูดไม่จริงพี่หนุ่มโหนกระแสต้องเข้าแล้ว หนูพร้อมนะคะ พี่กล้าออกมาพูดความจริงเรื่องของหนูหรือเปล่า ถ้าพี่ฟ้องมาหนูฟ้องกลับ ขอโทษนะคะ ไม่รับคำขอโทษใดใด ถ้าจะรับ รับเป็นเงินสด
หนูเป็นหนูเป็นลิลลี่ พี่ไม่รักไม่เมตตา ทำร้ายหนู งั้นเจอลิลลี่สไตล์ค่ะ ก็ไม่มีอะไรมาก ถือว่าหนูพูดเลย ยกหนี้ให้ เพราะว่าสงสาร เป็นหนี้หลายคนเหลือเกิน ยกให้เลย เงินหนูเหลือเยอะ สมบัติเหลือเยอะ เดี๋ยวไปขายแล้วเดี๋ยวจะไปล่อให้เข้ามาโกงใหม่มาหลอกใหม่นะคะ
ก็ไม่มีอะไรจะพูด แค่อยากจะบอกว่าลี่โกรธเสียใจ และมันไม่ยุติธรรมกับลี่ ไม่โอเคเลย ลี่พร้อมที่จะไฟว์ ลี่เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ถ้าเกิดคำพูดของลี่มันไปสะกิดใจของสามีพี่ หนูขอโทษนะคะ แต่ถ้าพี่ฟ้องหนู หนูฟ้องกลับ หนูบอกเลยนะคะ ว่าหนูอ่ะรับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้น 10ล้านเหรอจัดให้เลยค่ะ”